ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เคล็ดลับง่ายๆ ในการป้องกันฝีดาษวานรในชีวิตประจำวัน

ฝีดาษวานร (Monkeypox) เป็นโรคติดเชื้อที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับโรคฝีดาษ (Smallpox) แต่มีการแพร่กระจายและลักษณะอาการที่แตกต่างออกไป การป้องกันฝีดาษวานรจึงเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องสุขภาพของเราและคนรอบข้าง นอกจากการปฏิบัติตามคำแนะนำพื้นฐานที่กล่าวถึงแล้ว ยังมีรายละเอียดและวิธีการป้องกันที่สำคัญอื่น ๆ ที่เราควรรู้ เพื่อให้สามารถป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การเข้าใจถึงโรคฝีดาษวานร

ฝีดาษวานร เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า Monkeypox Virus ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Orthopoxvirus ในกลุ่มที่ใกล้เคียงกับไวรัสฝีดาษทั่วไป แต่มีลักษณะการแพร่กระจายและความรุนแรงที่ต่างออกไป อาการของฝีดาษวานร อาจเริ่มจากอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้สูง ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ และปวดหลัง ตามด้วยการเกิดผื่นที่มีลักษณะเป็นตุ่มน้ำและแผลที่ผิวหนัง

การติดเชื้อฝีดาษวานรสามารถเกิดได้จากการสัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อ เช่น ลิง หนู กระรอก หรือแม้กระทั่งการสัมผัสกับสิ่งของที่มีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัส นอกจากนี้ การแพร่กระจายจากคนสู่คนก็สามารถเกิดขึ้นได้ผ่านการสัมผัสโดยตรงกับผื่นหรือของเหลวจากแผล การใกล้ชิด หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ

การรักษาสุขอนามัยที่ดี

การรักษาสุขอนามัยอย่างเข้มงวดเป็นวิธีที่สำคัญในการป้องกันการติดเชื้อฝีดาษวานร การทำความสะอาดมือและพื้นผิวที่สัมผัสบ่อยๆ ช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส

การล้างมืออย่างถูกวิธี

การล้างมืออย่างถูกวิธีเป็นขั้นตอนที่ง่ายแต่มีความสำคัญสูงสุดในการป้องกันการติดเชื้อ:

  • ล้างมือด้วยสบู่และน้ำ: ใช้สบู่และน้ำล้างมือให้สะอาดอย่างน้อย 20 วินาที โดยไม่ละเลยพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึง เช่น ข้อพับนิ้วและใต้เล็บ
  • ารล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์: เมื่อไม่สามารถล้างมือด้วยน้ำและสบู่ได้ ให้ใช้เจลล้างมือที่มีแอลกอฮอล์อย่างน้อย 60% เพื่อฆ่าเชื้อ

การทำความสะอาดพื้นผิว

การทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวที่สัมผัสบ่อยๆ เป็นวิธีที่สำคัญในการป้องกันการติดเชื้อ:

  • ทำความสะอาดพื้นผิวที่สัมผัสบ่อย: เช่น มือจับประตู โต๊ะทำงาน และคีย์บอร์ด โดยใช้สารทำความสะอาดที่มีความสามารถในการฆ่าเชื้อ เช่น น้ำยาฆ่าเชื้อที่มีคลอรีน หรือแอลกอฮอล์
  • การดูแลเครื่องใช้ในบ้าน: เครื่องใช้ที่สามารถปนเปื้อนเชื้อไวรัสได้ เช่น โทรศัพท์มือถือ และรีโมท ควรทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ

การหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ที่เป็นพาหะ

การหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ที่เป็นพาหะของเชื้อไวรัสเป็นการป้องกันที่สำคัญอีกขั้นหนึ่ง:

การดูแลสัตว์เลี้ยง

  • พาสัตว์ไปตรวจสุขภาพ: สัตว์เลี้ยงควรได้รับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอจากสัตวแพทย์ เพื่อให้แน่ใจว่าสัตว์ไม่มีอาการป่วยที่อาจเป็นพาหะของเชื้อไวรัส
  • การดูแลสุขอนามัยของสัตว์: การทำความสะอาดและดูแลสุขอนามัยของสัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การอาบน้ำและการรักษาความสะอาดของบริเวณที่สัตว์อาศัยอยู่

การหลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่า

  • การหลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่า: ไม่ควรสัมผัสหรือเข้าใกล้สัตว์ป่าที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค
  • การป้องกันในพื้นที่เสี่ยง: หากเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของฝีดาษวานร ควรระมัดระวังการสัมผัสกับสัตว์ป่าและหลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งของที่อาจปนเปื้อนเชื้อ

การป้องกันการแพร่กระจายภายในครอบครัว

หากมีสมาชิกในครอบครัวที่ติดเชื้อฝีดาษวานร การดำเนินการตามมาตรการป้องกันภายในบ้านเป็นสิ่งสำคัญ:

การแยกตัวผู้ป่วย

  • การแยกห้อง: หากมีผู้ป่วยที่มีอาการของฝีดาษวานร ควรแยกเขาออกจากสมาชิกคนอื่นในบ้าน โดยให้เขาใช้ห้องน้ำและพื้นที่แยกจากคนอื่น
  • การใช้หน้ากากอนามัย: ผู้ป่วยควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสไปยังผู้อื่น

การทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ

  • การทำความสะอาดพื้นที่ที่สัมผัส: ทำความสะอาดพื้นที่ที่มีการสัมผัสจากผู้ป่วย เช่น ที่นอน, โซฟา, และพื้นผิวอื่น ๆ อย่างสม่ำเสมอ
  • การฆ่าเชื้อ: ใช้สารฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อไวรัสบนพื้นผิวที่มักสัมผัส เช่น สารฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมของคลอรีน หรือแอลกอฮอล์

การรับวัคซีน

การรับวัคซีนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อฝีดาษวานร หากมีโอกาสและเป็นกลุ่มเสี่ยง ควรพิจารณาการรับวัคซีน:

การปรึกษาแพทย์

หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน หรือมีความเสี่ยงสูง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมเกี่ยวกับการรับวัคซีน วัคซีนที่ใช้ป้องกันโรคฝีดาษวานร จะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเพื่อให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับไวรัสนี้ได้ หากเกิดการติดเชื้อ นอกจากนี้ ยังมีวัคซีนที่มีการพัฒนาขึ้นเพื่อป้องกันฝีดาษวานรโดยเฉพาะ ซึ่งวัคซีนเหล่านี้อาจใช้วัคซีนที่มีไวรัสฝีดาษ (Smallpox Vaccine) หรือวัคซีนที่พัฒนามาใหม่โดยตรง

การฉีดวัคซีน

การรับวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบัน  สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และป้องกันการแพร่กระจายของโรคได้ ถึงแม้ว่าไม่ใช่วัคซีนที่ถูกผลิตมาเพื่อป้องกันโรคฝีดาษวานรโดยตรง แต่พบว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษเข้าใต้ผิวหนัง 2 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 28 วัน มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคฝีดาษวานรได้ถึง 80-85% ซึ่งผู้ที่ควรได้รับวัคซีน คือ ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป แบ่งวิธีฉีดวัคซีนออกเป็น 2 วิธี ได้แก่

  • วิธีที่ 1 ฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนัง (ขนาดเต็มโดส 0.5 ML) ราคาเข็มละ 8,500 บาท ฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 28 วัน
  • วิธีที่ 2 ฉีดเข้าชั้นผิวหนัง (ครั้งละ 0.1 ML) ราคาจุดละ 2,200 บาท ฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 28 วัน
*อาจมีการเปลี่ยนแปลงของราคาและค่าใช้จ่าย ควรสอบถามสถานพยาบาลอีกครั้ง

สถานที่บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษวานร

สถานเสาวภา สภากาชาดไทย
ที่อยู่: 1871 ถ.พระรามที่ 4 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
เบอร์โทร: 022520161
เวลาทำการ: 8:30-16:00 น. (จันทร์-วันศุกร์) และ 8:30-12:00 น. (เสาร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์) หยุดวันอาทิตย์

การติดตามข่าวสารและคำแนะนำจากหน่วยงานสุขภาพ

การติดตามข่าวสารและคำแนะนำจากหน่วยงานสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน:

การติดตามข่าวสาร

  • การอ่านข่าวสารที่เชื่อถือได้: ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการระบาดของฝีดาษวานรจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ เช่น สำนักงานสาธารณสุข หรือองค์การอนามัย
  • การรับข้อมูลจากหน่วยงานสุขภาพท้องถิ่น: ฟังคำแนะนำจากหน่วยงานสุขภาพท้องถิ่นเพื่อทราบถึงมาตรการที่แนะนำในพื้นที่ของคุณ

การติดตามคำแนะนำ

  • การปฏิบัติตามคำแนะนำ: ปฏิบัติตามคำแนะนำที่ได้รับจากหน่วยงานสุขภาพและการอัปเดตข้อมูลเพื่อให้คุณสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ

การให้ความรู้และการเผยแพร่

การให้ความรู้และการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกันฝีดาษวานรเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ:

การให้ความรู้แก่คนรอบข้าง

  • การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง: แบ่งปันข้อมูลที่เป็นจริงและถูกต้องเกี่ยวกับฝีดาษวานรกับครอบครัวและเพื่อนๆ
  • การจัดทำสื่อการศึกษา: ใช้สื่อการศึกษา เช่น โปสเตอร์ แผ่นพับ หรือการจัดสัมมนา เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันฝีดาษวานร

การประชาสัมพันธ์ในชุมชน

  • การประชาสัมพันธ์ในชุมชน: ส่งเสริมการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันในชุมชนหรือที่ทำงาน เช่น การจัดกิจกรรมการศึกษาและการอบรมเกี่ยวกับการป้องกันโรค

การดูแลสุขภาพจิตและสังคม

การดูแลสุขภาพจิตและสังคมก็มีความสำคัญไม่น้อยในช่วงที่มีการระบาดของโรค:

การดูแลสุขภาพจิต

  • การรักษาสมดุลจิตใจ: การรักษาสมดุลจิตใจเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันความเครียดและความวิตกกังวลที่อาจเกิดขึ้นจากการระบาดของโรค
  • การพูดคุยและให้การสนับสนุน: พูดคุยกับครอบครัวและเพื่อน ๆ เกี่ยวกับความกังวลและความรู้สึกของคุณ เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนและลดความเครียด

การสร้างสังคมที่ปลอดภัย

  • การส่งเสริมการสนับสนุนในชุมชน: สนับสนุนการสร้างสังคมที่ปลอดภัยและร่วมมือกันในการป้องกันการแพร่กระจายของโรค
  • การให้ความช่วยเหลือ: ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่มีความต้องการพิเศษหรือกลุ่มที่อาจมีความเสี่ยงสูง เพื่อสร้างความมั่นใจและลดความวิตกกังวล

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

การป้องกันฝีดาษวานรในชีวิตประจำวันไม่ใช่เรื่องยากหากเราปฏิบัติตามมาตรการที่ถูกต้อง การรักษาสุขอนามัยที่ดี การหลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ที่เป็นพาหะ การป้องกันการแพร่กระจายในครอบครัว การรับวัคซีน การติดตามข่าวสารจากหน่วยงานสุขภาพ และการเผยแพร่ความรู้ในชุมชนเป็นวิธีที่ช่วยให้เราสามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดูแลสุขภาพจิตและการสนับสนุนซึ่งกันและกันในช่วงที่มีการระบาดของโรคก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน การร่วมมือกันของทุกคนในสังคมจะช่วยให้เราสามารถเผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย การปฏิบัติตามเคล็ดลับและคำแนะนำที่กล่าวมาข้างต้นจะช่วยให้คุณและคนรอบข้างสามารถป้องกันฝีดาษวานรและดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจมากยิ่งขึ้น


โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ใครบ้างที่ควรตรวจเอชไอวี ?

การตรวจเอชไอวี ในปัจจุบันเป็นเรื่องง่าย ใครก็สามารถตรวจได้ คนไทยสามารถรับสิทธิการตรวจเอชไอวีฟรี ปีละ 2 ครั้ง จากโรงพยาบาลรัฐที่มีสิทธิประกันสุขภาพ หรือโรงพยาบาลที่คุณมีสิทธิประกันสังคม จึงทำให้การตรวจเอชไอวีเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ทำให้กลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยงเข้ารับการตรวจได้อย่างรวดเร็ว เอชไอวี คืออะไร ? เอชไอวี  (Human Immunodeficiency Virus : HIV) คือ เชื้อไวรัสที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยจนเกิดความบกพร่อง โดยที่เชื้อไวรัสเอชไอวีจะทำลายเม็ดเลือดขาว CD4 ส่งผลให้มีโอกาสติดเชื้อโรคฉวยโอกาสต่าง ๆ ได้สูงกว่าปกติ ซึ่งผู้ติดเชื้อเอชไอวีสามารถแบ่งได้เป็น 3 ระยะ คือ ระยะเฉียบพลัน (Acute HIV Infectious) ระยะสงบทางคลินิก (Clinical Latency Stage)  ระยะโรคเอดส์ (AIDS) ข้อดีของการตรวจเอชไอวี ตรวจเพื่อป้องกันตัวเอง ตรวจเพื่อวางแผนการมีครอบครัว ตรวจเพื่อลดความกังวลและความเครียด ในกรณีที่ตรวจพบเชื้อ ก็จะได้เข้าสู่กระบวนการรักษารวดเร็วและทันท่วงที ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปสู่คู่นอน ป้องกันไม่ให้ไปสู่การติดเชื้อฉวยโอกาส เอชไอวี ใครบ้างที่ควรตรวจ ? การตรวจเอชไอว

ถุงยางอนามัย เลือกซื้ออย่างไรให้เหมาะกับเรา

ทุกคนคงทราบกันดีว่า ถุงยางอนามัย   ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้กว่า 90% และยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ดีอีกด้วย แต่เป็นเฉพาะกับคนที่ใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องด้วยนะ เพราะยังมีอีกหลายต่อหลายคน ที่ยังเลือกซื้อถุงยางอนามัยยังไม่เป็น และยังสวมถุงยางอนามัยด้วยวิธีที่ผิด จึงคงทำให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ และการติดโรคอย่าง เชื้อเอชไอวี ด้วยการใช้ถุงยางอนามัยไม่เหมาะสมกับตัวเองนี่แหละ วันนี้ เรามีวิธีเลือกซื้อถุงยางอนามัยให้เหมาะกับตัวเอง ฉบับมือใหม่หรือแม้แต่ผู้ที่เคยใช้ถุงยางอนามัยมาหลายครั้งแล้วได้ทบทวนว่าที่ตัวเองรู้อยู่นั้นมีความถูกต้องหรือไม่ ทำความรู้จักถุงยางอนามัยกันก่อน! ถุงยางอนามัย หรือ Condom เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่นิยมใช้มากที่สุดในการคุมกำเนิดแบบชั่วคราวและป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เนื่องจากถุงยางอนามัยสามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป โดยตัวถุงยางอนามัย ที่มีจำหน่ายในร้านค้าปัจจุบันมักทำมาจากยางสังเคราะห์ และยางธรรมชาติ แบ่งขนาดออกเป็นหลายไซส์ แต่ที่มีจำหน่ายในไทยจะมีอยู่ 4 ขนาดหลักๆ ได้แก่ ถุงยางอนามัย ขนาด 49 มีขนาดความกว้าง โดยวัดจากก